banner wy88 x john terry สล็อต trick007
อาร์เจนตินา_และเมสซี_เส้นทางสู่ถ้วยแชมป์

อาร์เจนตินา และเมสซี เส้นทางสู่ถ้วยแชมป์

Rate this post

ทัพฟ้าขาว อาร์เจนตินา แข่งขันแบบดุเดือดจนมาชนะจุดโทษทีมชาติฝรั่งเศสไปได้ 4-2 หลังเสมอกันในเกมสุดมัน 3-3 ประตู ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 อย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอย และปิดตำนานของชายผู้ชื่อ ลิโอเนล เมสซี (Lionel Messi)    ในถ้วยเวิลด์คัพอย่างสวยงาม ราวกับเทพนิยายที่ได้เขียนบทไว้ บนเส้นทางของลิโอเนล เมสซี่ ที่พาทัพฟ้าขาว ประสบความสำเร็จในเวิลด์คัพหนนี้ แม้เส้นทางจะไม่ได้ราบรื่นนัก หลังต้องผิดหวังในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์มาหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการนี้ที่แพ้ในนัดชิงต่อทีมอินทรีเหล็ก เมื่อฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล

อาร์เจน ตินาเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 หลังห่างหายจากดาวดวงล่าสุดตั้งแต่ปี 1986 นับตั้งแต่ยุคของ ดิเอโก้ มาราโดน่า นัดชิง 2022 ที่เกิดขึ้นจึงสำคัญที่สุดในชีวิตของใครหลายคน โดยเฉพาะ ลิโอเนล เมสซี เนื่องจากเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของเจ้าตัวในวัย 35 กะรัต เป็นถ้วยที่ เขาขาดอยู่ถ้วยเดียวในอาชีพการค้าแข้ง และ ลิโอเนล สกาโลนี กุนซือ ผู้ถูกสบประมาทมาตลอด หลังเข้ามากุมบังเหียน ทัพฟ้าขาว

อาร์เจนตินา_และเมสซี_เส้นทางสู่ถ้วยแชมป์

ลิโอเนล สกาโลนี กุนซืออันเดอร์เรต ที่นักเตะพร้อมวิ่งถวายหัว

สกาโลนีเข้ามารับงานเป็นกุนซือทีมชาติอาร์เจน ตินาหลังจาก ฟุตบอลโลก เมื่อปี 2018 ที่รัสเซียจบลง เนื่องจากเขาเป็นผู้ช่วยของฮอร์เก ซามเปาลี (Jorge Sampaoli) ที่ถูกไล่ออกจากตำแหน่งกุนซือไป ในเวลานั้น สกาโลนีขาดประสบการณ์การเป็นกุนซืออย่างชัดเจน เพราะเขาไม่เคยรับงานคุมทีมในฐานะกุนซือทีมใหญ่เลย อีกทั้งเมื่อสมัยเป็นนักเตะก็ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จในฐานะนักฟุตบอล ดังนั้น การเป็นผู้จัดการทีมครั้งนี้จึงเป็นความท้าทายที่ใหญ่สุดในอาชีพ ท่ามกลางคำสบประมาทจากทั่วโลก

สกาโลนีสร้างทัพฟ้าขาวยุคใหม่ขึ้นด้วยปรัชญาของเขาคือ “ทีมชาติอาร์เจน ตินาเป็นของทุกคน ต้องให้โอกาสผู้เล่นทุกคน จึงค่อยตัดสินว่านักเตะเหล่านี้ดีพอหรือไม่” ทำให้เขาได้รวบรวมนักเตะที่ยอดเยี่ยมจากหลากหลายทีม และนักเตะที่พร้อมจะเล่นอย่างสุดชีวิตเพื่อเขาอย่างแท้จริง จนกระทั่งทีมชาติอาร์เจน ตินาได้ประสบความสำเร็จครั้งแรกของยุคของสกาโลนีโดยการคว้าแชมป์โคปาอเมริกา เหนือคู่แข่งตลอดกาลอย่างบราซิลเมื่อปี 2021 การคว้าแชมป์โคปาอเมริกาได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับโค้ช และนักเตะในทีม นำทัพฟ้าขาวไปสู่แนวทางถูกต้องและควรจะเป็น นอกจากนี้สกาโลนียังได้เห็นผู้เล่นที่คู่ควรในการนำมาใช้ได้จริงสำหรับการแข่งขันในนามทีมชาติ และฟุตบอลโลก 2022

ทัพฟ้าขาวในยุคของสกาโลนีโดดเด่นด้วยความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ความสามารถของผู้เล่นที่คัดมาเองกับมือ ซึ่งแต่ละคนต่างรู้ว่าตัวเองมีบทบาทอะไรในทีม และต้องศรัทธาในตัวเจ้านาย โดยสิ่งเหล่านี้ต่างถูกถ่ายทอดไปยังบรรดา แฟนบอล ด้วย

สกาโลนีถูกสบประมาทและปรามาสมาตลอดตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามาคุมทัพฟ้าขาว ด้วยประสบการณ์ที่ไม่ได้มีมากมาย อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นกุนซือที่อายุน้อยที่สุดในเวิลด์คัพหนนี้ ด้วยวัยเพียง 44 ปี แต่คำสบประมาทและเสียงวิจารณ์พวกนั้นไม่ใช่อุปสรรคของกุนซือผู้นี้ เขาปราดเปรื่อง และโดดเด่นในเรื่องการปรับเปลี่ยนแท็กติกแก้ไขเกมให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ภายในเกม โดยโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ปรับสไตล์การเล่นตลอดทัวร์นาเมนต์ เพื่อรับมือกับคู่แข่งที่เผชิญ

แม้จะพลาดท่าต่อซาอุดีอาระเบียในเกมนัดแรก แต่ก็ถือเป็นการโยนความกดดันทิ้งจากการที่พวกเขาไม่แพ้ใครมา 35 นัดติดต่อกันนับตั้งแต่ 2 ก.ค. 2019 และหลังจากนั้นพวกเขาก็จัดการศัตรูได้อย่างราบคาบ ไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก, โปแลนด์, ออสเตรเลีย และใน 3 นัดสุดท้ายที่ได้แสดงประสิทธิภาพ ฟุตบอล สไตล์สกาโลนีอย่างแท้จริง ในเกมพบกับเนเธอร์แลนด์, โครเอเชีย และฝรั่งเศส ในนัดชิงชนะเลิศเวิลด์คัพ

เมสซี เทพเจ้าผู้เป็นศูนย์กลางของทีม

นับตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม สกาโลนีพยายามสร้างทีมโดยมีเมสซีเป็นศูนย์กลางมาตลอด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นเก่งกาจ และเต็มไปด้วย นักเตะรุ่นน้องที่พร้อมจะทุ่มกำลังทุกอย่างเพื่อทีมชาติ และรุ่นพี่ผู้เป็นแรงบันดาลใจ ให้สุดยอดนักเตะบัลลงดอร์ 7 สมัยได้ร่ายเวทมนตร์บนพื้นหญ้าอย่างเต็มที่ กัปตันทีมทัพฟ้าขาว วัย 35 กะรัต คว้ามาแล้วทุกแชมป์ ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ โดยขาดเพียงถ้วยบอลโลกเท่านั้น ก่อนจะทำสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่กาตาร์ 2022

นายใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์ เปิดเผยว่า การได้พูดคุยกับเมสซีก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มนั้นได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เมื่อเราผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก เมสซีถ่ายทอดบางสิ่งบางอย่างที่แข็งแกร่งอย่างมากมาสู่พวกเราภายในทีม ตัวเขาเองก็ยังรับรู้ถึงความผิดหวังที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ สิ่งที่เขาบอกคือ เข้มแข็งเข้าไว้ ทำต่อไป แน่นอนว่าทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี ถ้ามันไม่เป็นดั่งหวัง ก็ไม่เสียหายที่จะลองดู ไม่เพียงเท่านั้น บรรดากองเชียร์ของอาร์เจน ตินายังต่างพร้อมใจกันเชียร์อย่างสุดกำลังใจและทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อให้ราชาของพวกเขาบรรลุความสำเร็จนี้และปิดฉากอย่างสวยงาม และในที่สุด เมสซีก็บรรลุความฝันสูงสุดในฟุตบอลโลก เมื่ออาร์เจน ตินาเอาชนะการดวลจุดโทษกับฝรั่งเศสได้ โดยแฟนบอลทั่วโลกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นนัดชิงที่ยิ่งใหญ่และสนุกที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก โลกต้องจารึกนัดนี้ไว้ในประวัติศาสตร์

เมสซีเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย จากการทำไป 7 ประตู ด้วยสไตล์การเล่นอย่างกับพ่อมดที่ร่ายเวทมนต์อยู่บนสนามหญ้าด้วยพรสวรรค์และความสามารถทำให้คว้าตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ถึง 5 นัด ตลอดทัวร์นาเมนต์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักฟุตบอลคนแรกของโลกที่คว้ารางวัล Golden Ball ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 2 สมัย หลังจากที่เคยได้ไปแล้วเมื่อปี 2014 นอกจากนี้ยังลงเล่นมากสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแซงหน้า ตำนานลูกหนัง อย่างโลธาร์ มัทเธอุสที่ 26 นัด

เมสซียืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดการในอาชีพค้าแข้งของเขาแล้ว และหมายถึงในวงการฟุตบอลด้วย ขณะที่อาร์เจน ตินาก็กลับมาทวงบัลลังก์ได้ หลังจากหายไปตั้งแต่ยุค 80 แม้ฟุตบอลโลกหนนี้จะเริ่มต้นด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็สร้างความทรงจำที่ไม่มีทางลืมจากเกมรอบชิงชนะเลิศ ท่ามกลางการเฉลิมฉลอง การชูถ้วยเวิลด์คัพสีทองขึ้นฟ้า เมื่อเวลาผ่านไป หากพูดถึงกาตาร์ 2022 ทุกคนบนโลกจะต้องนึกถึงเมสซี และนัดชิงชนะเลิศเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน นี่คือช่วงเวลาสุดพิเศษที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำของการแข่งขันฟุตบอลโลก และจะทำให้นึกถึงชายที่ชื่อ เมสซี ตลอดไป

ลิโอเนล เมสซี นักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้รับการประกาศชื่อให้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อชูถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เขาต้องการมานานตลอดช่วงการเล่นฟุตบอลอาชีพที่เขาแสดงความสามารถได้เหนือชั้นเหมือนกับว่ามีพ่อมดมาร่ายมนอยู่บนสนามหญ้า และประสบความสำเร็จอย่างงดงามของเขา ส่วนอีกด้านหนึ่งของเวที เพื่อนร่วมทีมชาติอาร์เจน ตินากำลังรออย่างใจจดใจจ่อให้เขานำถ้วยรางวัลมาร่วมฉลองชัยชนะด้วยกัน หลังจากการแข่งอย่างดุเดือด จนต้องดวลลูกโทษ และเอาชนะฝรั่งเศสไปได้ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยมที่สุดนัดหนึ่งที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เมสซีได้ขึ้นเวทีไปจับมือกับจานนี อินฟานตีโน ประธานฟีฟ่า และชีค ทามีม ของกาตาร์ ซึ่งได้ทรงใช้พระหัตถ์ตบเบา ๆ ที่บ่าของนักเตะวัย 35 ปีคนนี้ 2 ครั้ง

อาร์เจนตินา_และเมสซี_เส้นทางสู่ถ้วยแชมป์

จากนั้น ก็มีการนำชุดบิชต์ (bisht) สีดำซึ่งเป็นชุดคลุมที่ผู้ชายนิยมสวมใส่ในโลกอาหรับ มาสวมใส่ให้กับเมสซี ก่อนที่เขาจะเดินย่องเข้าไปหาเพื่อนร่วมทีมด้วยความดีใจ และชูถ้วยรางวัลนี้อย่างสง่างาม ไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาสำคัญของเมสซีเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษของกาตาร์อีกด้วย การแข่งขันฟุตบอลโลกสิ้นสุดลงในวันชาติของกาตาร์ เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศมุสลิม นี่อาจจะเป็นเกียรติสำหรับเมสซีที่ได้สวมชุดอาหรับ แต่หลายคนก็มองว่า เป็นการไม่เคารพต่อความสำคัญของวันที่เขาเฝ้ารอคอยมาอย่างยาวนาน ชีค ทามีม ได้ระบุผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “เราได้ทำตามสัญญาแล้วว่าจะจัดการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมจากประเทศอาหรับ”

“นี่คือโอกาสสำหรับผู้คนทั่วโลกในการได้ทำความรู้จักกับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของเราและต้นกำเนิดค่านิยมต่าง ๆ ของเรา”

ฝันของ “เด็กหนุ่ม” กลายเป็นจริง

อาร์เจนตินาเกือบจะพลาดโอกาสนี้ไป จากผลงานเหลือเชื่อของฝรั่งเศส ทีมคู่แข่งจาก คีเลียน เอ็มบัปเป นักเตะที่ยอดเยี่ยมอีกคนในทัวร์นาเมนต์นี้ได้ยิงแฮตทริกในนัดนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีการทำแฮตทริก จากนักเตะคนเดียวในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ นับตั้งปี 1966 แต่ชาวอาร์เจน ตินาเชื่อว่า มาราโดนา สุดยอดนักเตะในตำนานผู้ล่วงลับ กำลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่จากบนฟ้า ในที่สุด ความหวัง และความฝันสูงสุดของเมสซีและชาวอาร์เจน ตินาทุกคน ก็กลายเป็นความจริง ชาวอาร์เจน ตินาได้พากันร้องเพลง ๆ หนึ่งดังกระหึ่มไปทั่วกาตาร์ และในอาร์เจน ตินาอีกครั้ง นั่นก็คือเพลงที่บอกว่า ดิเอโก กำลังมองลงมาจากฟ้า “เชียร์ลิโอเนล เมสซี ให้คว้าแชมป์ให้กับชาวอาร์เจน ตินาอีกครั้ง” เพลง “มูชาโชส” เป็นการนำบทเพลงของวงลา โทสกา (La Tosca) ของอาร์เจน ตินา นั้นมาขับร้องใหม่ โดยในเพลงจะมีอยู่ท่อนหนึ่งมีความหมายอย่างลึกซึ่งว่า “หนุ่ม ๆ เรามีความหวังอีกครั้งแล้ว”

บรรดาลูกทีมของลิโอเนล เอสกาโลนี โค้ชทีมชาติอาร์เจน ตินา นำโดยเมสซีที่เป็นศูนย์กลางของทีม ได้กำจัดความเจ็บปวด และขมขื่นนานกว่า 3 ทศวรรษให้หมดไป หลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ ในการเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 6 โดยก่อนหน้านี้ทัพฟ้าขาวเคยเป็นแชมป์ในปี 1978 และ 1986 มาแล้ว

“เมสซีอยู่ไหน” นี่คือคำตอบ การแข่งขัน ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายครั้งนี้เริ่มขึ้นด้วยความตกตะลึงต่อผลงานของอาร์เจนตินา

“เมสซีอยู่ไหน เมสซีอยู่ไหน” แฟนบอลจากซาอุดีอาระเบียต่างพากันถามคำถามนี้ หลังจากทีมของพวกเขาเอาชนะอาร์เจน ตินาไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ 2-1 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดแรก คำเยาะเย้ยนี้ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งนอกสนามและในสนาม ในอีกไม่กี่วันต่อมา และได้กลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย แต่ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมที่ไม่สามารถมีใครทำได้แบบเขา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. ได้ช่วยตอบคำถามนี้แล้วด้วยการกระทำไม่ใช่คำพูด เพราะเมสซีได้ยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดการในวงการลูกหนังของเขาแล้ว เขาก้าวเข้าไปบนเวทีพร้อมกับสวมปลอกแขนหัวหน้าทีมชาติ และชูรางวัลสุดพิเศษที่มอบให้เฉพาะกับสุดยอดนักเตะในการแข่งขันครั้งนี้

ทันทีที่เราเดินทางไปถึงเมืองหลวงของกาตาร์เมื่อ 16 พ.ย. เรารู้สึกเหมือนกับว่า นี่คือฟุตบอลโลกของเมสซี เสื้อทีมอาร์เจน ตินาติดหมายเลข 10 ของเมสซีปรากฏอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นทั้งในอาร์เจน ติน่าหรือทั่วโลก ทั้งตามท้องถนน ตลาด ห้างสรรพสินค้า และสนามต่าง ๆ ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ๆ ต่างพากันสวมใส่ เสื้อของมาราโดนา อดีตตำนานนักฟุตบอลชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้วของอาร์เจน ตินา ก็พบได้ทั่วไปเช่นกัน แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับเมสซี สุดยอดนักฟุตบอลของอาร์เจน ติน่า และของโลกในปัจจุบัน ทั่วโลกได้มีการเปิดเพลง “มูชาโชส” ทั้งตามสถานีรถไฟใต้ดินและในรถบัสรับส่ง ไม่มีใครที่จะไม่ได้ยินเพลงนี้ แม้แต่ในตอนที่หลับอยู่ ไม่ต่างอะไรกับเป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน

ธงชาติอาร์เจนตินาประดับอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดาดฟ้าและระเบียงต่าง ๆ รวมถึงหน้าต่างร้านย่านต่าง ๆ ของกรุงโดฮา มีเพียงทีม ๆ เดียวที่พวกเขาอยากจะให้ได้ถ้วยกลับไป ในการเดินทางไปยังลูเซล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโดฮาไปทางเหนือราว 18 กิโลเมตร เต็มไปด้วยแฟนบอลที่เชียร์ทีมอาร์เจนตินา ร้องเพลงของพวกเขาดังกระหึ่มและพากันตะโกนว่า “เมสซี เมสซี” แฟนบอลส่วนหนึ่งจากอาร์เจนตินาเข้าไปในสนามก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันเป็นเวลานาน พวกเขาพากันตีกลอง กระโดดโลดเต้นด้วยความสนุกสนาน และนำผ้าพันคอสีฟ้าขาวมาสะบัดไปมาเหนือหัว เมื่อเห็นภาพบรรดานักเตะก้าวลงจากรถบัสปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่ มีเสียงเชียร์กระหึ่มกึกก้องต้อนรับเมสซี สุดยอดนักเตะดาวดัง ผู้คนพากันลุกขึ้นยืนตบมือให้เขา ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลทีมชาติไหนเช่นเดียวกับตอนที่มีการอ่านชื่อนักเตะในทีม

เมสซีทำประตูแรกได้จากการยิงลูกโทษ ขณะที่ฮิวโก ลอรีส ผู้รักษาประตูของฝรั่งเศสกระโดดสกัดบอลผิดทาง จากการหลอกยิงอย่างเหนือชั้น เพื่อนร่วมทีมต่างพากันวิ่งมานอนทับตัวเขา ขณะที่เขาไถลตัวล้มลงด้วยความดีใจ และสวมกอดกับโรดริโก เด ปอล จากนั้นอังเฆล ดี มารีอา ก็ทำประตูที่สองให้กับอาร์เจน ตินาพร้อมกับวิ่งดีใจด้วยท่าชูหัวใจท่าโปรดของเจ้าตัว เพลง “มูชาโชส” ก็ดังขึ้นอีกครั้งขณะที่แฟนบอลกระโดดขึ้นลงบนอัฒจันทร์ แต่เอ็มบัปเปคงรู้สึกต่างออกไป ด้วยน้ำตาแห่งความยินดี

เอ็มบัปเป ดาวรุ่งซูเปอร์สตาร์ของฝรั่งเศส ซัดบอลตุงตาข่ายได้ 2 ลูกติด ๆ กัน ห่างกันเพียง 97 วินาที ทำให้สามารถตีเสมออาร์เจน ตินาได้สำเร็จ จึงต้องต่อเวลาการแข่งขัน ช่วงทดเวลาพิเศษเมสซีคงคิดว่า เขาชนะแล้ว หลังทำประตูสุดสวยได้ในระยะใกล้ในช่วงต่อเวลาพิเศษที่เกือบจะหมดเวลาอยู่แล้ว แต่เอ็มบัปเปก็แสดงฝีเท้าอันยอดเยี่ยมยิงลูกโทษตีเสมอได้อีกครั้ง และทำแฮตทริกได้ในรอบชิงชนะเลิศ นับตั้งแต่ปี 1966 และทำให้เจ้าตัวได้ตำแหน่งดาซัลโวของทัวร์นาเมนต์ ซัดไปถึง 8 ประตู

อาร์เจนตินาต้องมาลุ้นในการดวลจุดโทษ โดยเมสซี เป็นผู้ยิงคนแรกของอาร์เจนตินา และยิงเข้าไปด้วยเทคนิคที่เหนือชั้น ฝ่ายอาร์เจนตินายิงจุดโทษเข้าไปแล้ว 3 ลูกติดกัน ในขณะที่ฝ่ายฝรั่งเศสพลาดไปแล้ว 2 ลูก จากการเซฟของ ดาเมียน มาติเนสดังนั้นหากอาร์เจนตินายิงจุดโทษเข้าได้อีกครั้งในการยิงครั้งที่ 4 ก็จะเป็นฝ่ายชนะไปในทันที และกอนซาโล มอนติเอล ก็ทำสำเร็จปิดฉากในการยิงจุดโทษทำให้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกไปได้

เมสซีโบกมือทักทายครอบครัวที่อยู่บนอัฒจันทร์ บรรดาผู้เล่นทีมชาติอาร์เจนตินาพากันฉลองชัยชนะกับเมสซี และครอบครัวในสนาม ถ่ายรูปพร้อมกับถ้วยรางวัลหน้าประตู ขณะที่บรรดาแฟนบอลก็ยังคงอยู่ในสนามร่วมดีใจกันเป็นเวลานานหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง การที่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของทีม บรรดาผู้เล่นในทีมได้ยกย่องเมสซี ด้วยการยกตัวเขาขึ้นบนบ่า และแบกเขาไปรอบสนามพร้อมกับถ้วยรางวัล การแข่งขันครั้งนี้ได้จบลงไปแล้ว มาราโดนาได้ส่งไม้ต่อมาให้กับเมสซีแล้ว เมสซีได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่เคยมีมาของเขาอย่างไร้ข้อกังขา

อาร์เจนตินา_และเมสซี_เส้นทางสู่ถ้วยแชมป์